ได้แล้วคู่ชิง ฟุตบอลโลก 2022

ได้แล้วคู่ชิง : รอบรองชนะเลิศคู่ที่ 1 : อาร์เจนตินา 3-0 โครเอเชีย ฟ้าขาวรอบชิงมารอคู่ของแชมป์เก่า รอบรองชนะเลิศคู่ที่ 2 : ฝรั่งเศส 2-0 โมร็อกโก ทีมตราไก่ชนะ ทำให้ฝรั่งเศสจะพบอาร์เจนติน่า ในรอบชิงชนะเลิศ วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคมนี้ เวลา 22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

ตารางแข่งขัน และโปรแกรมถ่ายทอดสด ฟุตบอลโลก 2022 รอบชิงอันดับ 3 จะแข่งขันในวันที่ 17 ธันวาคมนี้

นัดชิงอันดับสาม : โครเอเชีย พบ โมร็อกโกวันที่ : 17 ธันวาคม 2022 - 22:00 น.

สนาม : คาลิฟา อินเตอร์เนชันแนล สเตเดียม

ถ่ายทอดสดทาง : True4U, PPTV และ True Sports 2

ตารางแข่งขัน และโปรแกรมถ่ายทอดสด ฟุตบอลโลก 2022 รอบชิงชนะเลิศ จะแข่งขันในวันที่ 18 ธันวาคมนี้

นัดชิงชนะเลิศ : อาร์เจนตินา พบ ฝรั่งเศส วันที่ : 18 ธันวาคม 2022 - 22:00 น.

สนาม : ลูเซล ไอคอนิก สเตเดียม

ถ่ายทอดสดทาง : True4U, 7HD และ True Sports 2

หลังจบเกม ฝรั่งเศส ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขามีสกอร์นำก่อน ในนาทีที่ 5 ในช่วงครึ่งแรกของเกม ฟุตบอลโลก พวกเขาไม่เคยแพ้เลย (ชนะ 26 นัด เสมอ 1 นัด) แม้จบเกม 90 นาที จะครองบอลเป็นรอง โมร็อกโก 61:39%

แต่สร้างโอกาสยิงประตูมากกว่า 14:13 ครั้ง และส่งบอลเข้ากรอบมากกว่า 3:2 ครั้ง สำหรับ ดิดิเยร์ เดส์ช็องส์ ได้ชื่อว่าเป็นกุนซือรายที่หกที่คุมทีมเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก มากกว่าหนึ่งครั้ง

แต่มีแค่คนเดียวที่ประสบความสำเร็จครบทั้งสองครั้งคือ วิตตอริโอ ปอซโซ๋ ซึ่งพาทีม อิตาลี คว้าแชมป์ได้ในปี 1934 และ 1938 แต่ถึงอย่างไร เดส์ช็องส์ มีส่วนร่วมกับ ฟุตบอลโลกนัดชิงชนะเลิศเป็นครั้งที่สามแล้ว

เนื่องจากสมัยเป็นนักเตะ เขาได้สัมผัสกับตำแหน่ง แชมป์โลก ปี 1998 ซึ่งหมายความว่า ฝรั่งเศส ไม่เคยได้ถ้วยใบนี้เลยหากชายผู้นี้ไม่มีเอี่ยวด้วย

โมร็อคโก ในฐานะทีมรองที่อาศัยเกมรับอันแข็งแกร่งพาตัวเองหลุดมาถึงรอบนี้ได้ โมร็อกโก จึงได้รับการคาดหมายว่าจะเน้นเล่นเกมรับตามถนัด และรอจังหวะส่วนกลับทีฝรั่งเศส บุกขึ้นมาแล้วพลาดหาโอกาสโต้กลับแบบฉับพลัน

แต่ที่ไหนได้ เริ่มเกมขึ้นมา ทีมจาก แอฟริกา เป็นฝ่ายบุกเข้าหาแชมป์เก่าอย่างสนุกเมามัน สร้างความมั่นใจกันอย่างเต็มที่ และครองบอลได้เหนือกว่าอย่างชัดเจนอีกด้วย อย่างไรก็ดี

ตำแหน่งแชมป์โลก ไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย และเมื่อโอกาสสำคัญมาถึง ทีมตราไก่ก็ชิงสอยตาข่ายนำหน้าไปก่อนตั้งแต่นาทีที่ 5 จากการยิงที่เหนือชั้นของ เตโอ แอร์กน็องเดซ ซึ่งชัดเจนว่าเข้าทางทีมเมืองน้ำหอม

และทำให้แผนของ โมร็อกโก ที่ต้องการทำประตูได้ก่อนเพื่อจะมาเน้นเกมรับรักษาสกอร์เอาไว้แต่ต้องจบลงเมื่อฝรั่งเศสขึ้นนำก่อนเสียแผนหมดเลยโมร็อกโกจะต้องบุกคืนเพื่อจะตีเสมอทางตราไก่ก็ตั้งรับแล้วรอส่วนกลับเข้าแผนของฝรั่งเศส

เท่านั้นยังไม่พอ โชคร้ายของทีมรอง ผ่านมานาทีที่ 21 โรแม็ง ซาอิสส์ ยังต้องเปลี่ยนตัวออกให้ ซาลิม อมัลลาห์ ดาวเตะทีม สตองดาร์ ลีแอช ลงไปรับช่วงแทนด้วย เนื่องจากความฟิตไม่ถึง

ซึ่งถือเป็นหายนะยกกำลังสองของ โมร็อกโก อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ดีที่ว่าพวกเขารอดพ้นจากการโดนโต้กลับหลายครั้ง โดยเฉพาะโอกาสของ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของทีม เอซี มิลาน

กระทั่งเข้าสู่ช่วงท้ายครึ่งแรก โมร็อกโก บุกได้อย่างน่ากลัว และทำให้ โยริส ต้องทำงานหนักขึ้นแม้สุดท้ายแล้วพวกเขาจะทวงสกอร์คืนไม่ได้ แต่ยังครองบอลเหนือว่าในอัตรา 56:44% ทว่า ฝรั่งเศส ไม่สนใจประเด็นนี้อยู่แล้ว

และหาทางโต้ขึ้นไปลุ้นทำประตูได้มากกว่า 9:5 ครั้งโดยเป็นการซัดบอลเข้ากรอบได้ 2 ครั้งเท่ากัน ครึ่งหลังฝรั่งเศสมาบวกลูกสองเพิ่มได้อีก ในนาทีที่ 79 จากจังหวะที่ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ลุยแหวกแนวรับโมร็อกโก

แล้วยิงติดบล็อคไปเข้าทาง ร็องดาล โกโล มูอานี โฉบมาแปด้วยขวาจ่อ ๆ ตุงตาข่าย ช่วยให้แชมป์เก่าหนีห่างเป็น 2-0 จากนั้นไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่มเติมอีก ทำให้สุดท้ายจบเกมเป็นฝรั่งเศสชนะไป 2-0 ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศไปเจอกับอาร์เจนติน่า